ในตอนที่ตัดสินใจทำประกันชีวิตให้กับตัวเอง เราต่างก็คิดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะสามารถจ่ายเบี้ยประกันได้ตามตกลงแน่นอน เพื่อแลกกับความคุ้มครองที่คุ้มค่าตามความต้องการ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่ามีอุปสรรคบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน จนไม่อาจจ่ายเบี้ยประกันต่อไปได้อีก หรืออย่างน้อยก็ต้องขอยื้อเวลาอีกสักพักใหญ่ๆ ถึงจะฟื้นตัวกลับมาได้ กรณีนี้เราก็มีทางออกที่ทำได้อยู่หลายทาง เพียงแค่เจรจากับทางเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจตรงกันถึงจุดประสงค์ของเราก็พอ
ขอยกเลิกการทำประกันชีวิต
หากเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ การเวนคืนกรมธรรม์ ซึ่งนับว่าเป็นทางออกที่ค่อนข้างเลวร้ายพอสมควร แต่ในเมื่อมันเลือกอะไรไม่ได้มากนักเมื่อดูจากสถานการณ์การเงิน ก็คงต้องตัดใจไปก่อน รายละเอียดคือหลังจากเราแจ้งยกเลิกไป ความคุ้มครองจะสิ้นสุดลงทันที แล้วได้รับเงินคืนบางส่วนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์แต่ละฉบับ ใครที่ส่งเบี้ยมานานแล้วก็นับว่าน่าเสียดายนิดหน่อย
ขอหยุดการจ่ายเบี้ยประกันชีวิต
วิธีการนี้คือการแจ้งกับทางบริษัทประกันชีวิตว่าจะไม่จ่ายเบี้ยต่อ แต่ยังขอรับความคุ้มครองตามเดิม หมายความว่าวงเงินที่เราจ่ายให้ประกันทั้งหมดจะมียอดรวมที่น้อยลง เท่ากับว่าขอบเขตของการชดเชยในกรณีต่างๆ ก็ต้องน้อยลงตามไปด้วย ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้นต้องสอบถามกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง
ขอยืดเวลาการชำระเบี้ยประกันชีวิต
ทางออกสุดท้ายจะไม่ลดเบี้ยประกันและไม่ลดขอบเขตความคุ้มครองของประกันชีวิตที่ทำไว้ อุบัติเหตุหรือสถานการณ์ฉุกเฉินอะไรที่เคยชดเชยให้ก็ยังคงมีให้เหมือนเดิม แต่เมื่อขอยืดเวลาออกไป จะส่งผลให้ระยะเวลาในการคุ้มครองสั้นลง ส่วนจะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดในกรรธรรม์ ซึ่งมักจะมีค่าตายตัวที่แสดงไว้เป็นตารางชัดเจนแล้ว
ตามปกติวิธีการแก้ปัญหาเรื่องการจ่ายเบี้ยที่กล่าวไปข้างต้น ทางพนักงานดูแลเรื่องประกันชีวิตจะต้องแจ้งให้เรารู้ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจทำ ซึ่งเราเองก็ควรอ่านให้ละเอียดก่อนเสมอ เพื่อจะได้รู้ว่าเรามีทางเลือกอะไรบ้างหลังจากทำประกันไปเรียบร้อยแล้ว
หากท่านใดสนใจประกันชีวิต เราขอแนะนำบริษัท คิง ไว ประกันชีวิต ที่มีแพคเกจประกันชีวิตหลากหลายแบบให้คุณได้เลือกให้เหมาะกับคุณเอง